วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ประเพณีปีใหม่ของคนญี่ปุ่น


ประเพณีปีใหม่ของคนญี่ปุ่น

ในช่วงปีใหม่ คนญี่ปุ่นจะประดับที่หน้าบ้านด้วย Kadomatsu
(ไม้ไผ่สามปล้องมัดรวมกัน) และ Matsu-kazari (ใบสน) และ Shimenawa (เชือก) ซึ่งเป็นประเพณีทางชินโต นอกจากนี้คนญี่ปุ่นจะกิน โมจิ (ข้าวเหนียวตำ) และ กินโอเซะจิเรียวริ (อาหารสำหรับปีใหม่) เป็นประเพณีของคนญี่ปุ่น




การตีระฆังในช่วงวันส่งท้ายปีเก่า Joya no Kane

ในวันที่ 31 เดือนธันวาคม ที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า Oomisoka เป็นวันที่สำคัญของคนญี่ปุ่น และมีการกิน Toshikoshi-soba โซบะข้ามปี เป็นประเพณีที่เริ่มมาตั้งแต่ในสมัยเอโดะ (1603-1867)คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า กินโซบะในวันนี้แล้วอายุจะยืน และที่วัดจะมีการตีระฆังที่เรียกว่า Joya no Kane จำนวน 108 ครั้ง เท่ากับจำนวนกิเลสของมนุษย์ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น ถ้ามีโอกาสไปเที่ยววัดญี่ปุ่นในช่วงนั้น ลองไปร่วมตีระฆังดูดีไหม



ชมพระอาทิตย์แรกของปี Hatsuhi no de

คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า การชมพระอาทิตย์แรกของปี มีพลังศักดิ์สิทธิ์ ประเพณีเริ่มขึ้นมาในสมัยเมจิ (1868-1912) ขึ้นภูเขาชมพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันที่ 1 มกราคม อธิฐานให้ครอบครัวมีความสุขและมีสุขภาพแข็งแรงตลอดปี



การไปไหว้วัดหรือศาลเจ้าใน วันแรกของปี Hatsu Moude

ในช่วงนี้ วันที่ 1-2-3 ของเดือนมกราคม คนญี่ปุ่นที่แม้ปรกติไม่ได้ไปวัดหรือศาลเจ้า ก็จะพากันไปไหว้ขอพรกันในช่วงนี้ ผู้หญิงก็พากันแต่งกิโมโนสวยๆ มีบรรยากาศของปีใหม่แบบญี่ปุ่น วิธีไหว้ขอพรที่ศาลเจ้า ก้มหัวสองรอบ ปรบมือสองรอบ และก้มหัวอีกรอบ ส่วนการขอพรที่วัดให้พนมมือไหว้พระตามปรกติ ถ้าเป็นศาลเจ้า Meiji Jingu ที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ในเขต Harajuku ก็จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายมาไหว้ขอพรในช่วงปีใหม่ ถ้าเป็นวัดก็ต้อง Naritasan Shinshoji ที่อยู่ใกล้สนามบิน Narita และ วัด Kawasaki Daishi ที่อยู่ในอำเภอ Kawasaki ทั้งสองวัดนี้มีชื่อเสียง สถานที่ที่กล่าวชื่อมาทั้งสามแห่ง เชื่อกันว่าถ้าไปไหว้แล้วจะโชคดี การงานดี สุขภาพแข็งแรง



การประดับตกแต่งในช่วงปีใหม่ Shogatsu Kazari

คนญี่ปุ่นประดับหน้าบ้านช่วงปีใหม่เพื่อต้อนรับเทพเจ้าทางชินโต เชื่อกันว่าเทพเจ้าจะมาสถิตยังที่ที่มีต้นไม้หรือพืชพรรณ จึงมีการทำ Matsu-Kazari โดยใช้ใบสนมาทำเป็นของประดับตกแต่งสำหรับแขวนไว้หน้าบ้าน เหตุเพราะแม้ในฤดูหนาวใบสนก็จะยังคงเขียวสดอยู่เสมอนั่นเอง ส่วน Kadomatsu ไม้ไผ่สามปล้องมัดรวมกัน เป็นสัญลักษณ์ของการเจริญเติบโตรวดเร็วและซื่อตรง ส่วน Shimenawa เป็นเชือกมัดที่แขวนไว้เพื่อต้อนรับเทพเจ้าเช่นกัน



อาหารในช่วงปีใหม่ Osechi Ryori

เมื่อไปไหว้ที่วัดและศาลเจ้าในช่วงเช้าเสร็จแล้ว ก็จะพากันกลับบ้านไปกินอาหารในช่วงปีใหม่ Osechi Ryori หมายถึงอาหารที่ถวายให้กับเทพเจ้าในช่วง 5 วันแรกของปีใหม่ อาหารที่อยู่ใน Osechi Ryori มีความหมายในทางมงคลต่างๆ มีข้อดีตรงที่ทำไว้ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ แม้กินตอนเย็นแล้วก็ยังอร่อย เก็บไว้ได้หลายวัน ประหยัดแรงแม่บ้าน ไม่ต้องทำกับข้าวในช่วงปีใหม่ ในช่วงนี้ ทั้งเรียวกังและโรงแรมต่างพากันทำ Osechi Ryori สำหรับลูกค้าที่มาพักในช่วงปีใหม่ ลองหาแพ็คเก็จพิเศษๆ สำหรับ ที่พักพร้อม Osechi Ryori ดูดีไหม นอกจากนี้ บางที่ยังมีการบรรเลงดนตรีด้วย Koto หรือ มีการเชิดสิงโตแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า Shishimai



วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น


จังหวัดฮอกไกโด

เป็นชื่อจังหวัดและเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศญี่ปุ่น รองจากเกาะฮนชูโดยมีอุโมงค์เซกังเชื่อมถึงกัน นอกจากนี้ฮอกไกโดยังเป็นเขตการปกครอง ซึ่งประกอบไปด้วยหมู่เกาะ โดยมีเกาะฮอกไกโดเป็นศูนย์กลาง และเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเขตได้แก่ซัปโปโระ ฮอกไกโดเป็นเขตที่มีคนอาศัยอยู่เบาบาง มีประชากรทั้งเกาะประมาณ 5 ล้านคน คนส่วนใหญ่ย้ายมาจากเกาะฮนชูเมื่อราว 100 กว่าปีก่อน โดยเป็นแหล่งที่ซามูไรแพ้สงครามจึงต้องหนีมาอยู่ที่เกาะนี้ ความจริงแล้วที่เกาะนี้มีชนพื้นเมืองอาศัยอยู่มานานแล้วคือชาวไอนุ แต่ถูกกลืนชนชาติไป ปัจจุบันหลงเหลืออยู่น้อยมากและดำรงชีวิตเช่นเดียวกับชาวญี่ปุ่นทั่วไป ฮอกไกโดเป็นเขตที่มีอากาศหนาวเย็น โดยเฉลี่ยจะมีหิมะท่วมอยู่ทั่วไปประมาณ 4-6 เดือน ในถดูหนาวจะมีอุณหภูมิ -20 ถึง 5 องศาเซลเซียส ในหน้าร้อนจะมีอุณหภูมิ 15 ถึง 30 องศาเซลเซียส ภูมิประเทศเป็นภูเขาเป็นส่วนใหญ่ ในบริเวณที่ราบลุ่มก็จะเป็นเมืองที่คนอาศัย โดยจะหนาแน่นในบริเวณเมืองซัปโปโระ ซึ่งมีอากาศอุ่นกว่าบริเวณต่าง ๆ ของเกาะ แต่ก็ยังหนาวกว่าเมืองอื่น ๆ ในเกาะฮนชู ฮอกไกโดเป็นเกาะที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ชาวญี่ปุ่นจากส่วนที่อื่น ๆ ของประเทศจึงนิยมมาตากอากาศหรือย้ายมาอาศัยและทำงานเป็นจำนวนมาก




ประวัติศาสตร์

ฮอกไกโดเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวไอนุตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ชื่อสถานที่หลายแห่งบนเกาะเช่นเมืองซัปโปโระก็เป็นภาษาไอนุ ฮอกไกโดเคยมีชื่อว่าเอโซะจนสิ้นยุคเมจิ ในช่วงสงครามโบชินเมื่อปี พ.ศ. 2411 (ค.ศ. 1868) กองกำลังสนับสนุนรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะซึ่งนำโดยเอโนโมโตะ ทาเกอากิ ได้ประกาศเป็นรัฐอิสระในนามสาธารณรัฐเอโซะ แต่ก็ล่มสลายในปี พ.ศ. 2412 (ค.ศ. 1869) ภายหลังแบ่งเขตการปกครองเป็น 4 ส่วน ฮอกไกโด ในภาษาญี่ปุ่นเขียนว่า 北海道 โรมะจิสะกดว่า Hokkaidō หมายถีง "เส้นทางสู่ทะเลเหนือ" ฮอกไกโดเป็นทั้งชื่อเกาะ เขตแดนและจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีให้เห็นคำว่า เกาะฮอกไกโด ซึ่งกล่าวถึงเกาะโดยรวม เขตฮอกไกโดกล่าวในลักษณะโดยรวมของบริเวณทางส่วนเหนือของญี่ปุ่น แต่จะไม่เพิ่มคำว่าจังหวัดลงหน้าชื่อฮอกไกโด เนื่องจากคำว่า โด ในชื่อฮอกไกโดมีความหมายว่าจังหวัดอยู่แล้ว




ภูมิอากาศ

ฮอกไกโดมีชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีฤดูร้อนที่เย็นสบาย จึงเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นจากส่วนอื่น ๆ ของประเทศ ส่วนในฤดูหนาวก็จะมีหิมะมากและหนาวนานอยู่ประมาณครึ่งปี (ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนเมษายน) แม้อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 22 °C (72 °F) แต่เดือนมกราคมจะมีช่วงอุณหภูมิต่ำมากประมาณ -12 °C ถึง -4 °C (10 °F ถึง 25 °F) ในระหว่างฤดูหนาว ทะเลโอค็อตสค์ทางตะวันออกของเกาะจะกลายเป็นน้ำแข็งทำให้การเดินทางทางทะเลแถบน้ำเป็นไปได้ยาก ต้องใช้เรือตัดน้ำแข็ง ส่วนการประมงก็ต้องรอจนกว่าจะสิ้นฤดูหนาว เนื่องจากฮอกไกโดเป็นดินแดนหิมะ ที่เมืองซัปโปโระจึงมีการจัดเทศกาลหิมะเป็นประจำทุกปี ในราวต้นเดือนกุมภาพันธ์




สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม5แห่ง

1.ป้อมโงเรียวกาคุ (Fort Goryokaku), เมือง Hakodate




  2.ริมคลองโอตารุ (Otaru Canal Area), เมือง Otaru





   3.ทุ่งดอกไม้ ฟูราโน่ (Furano Flower Field), เมือง Furano




  4. ลานสกีฟูราโน่ (Furano Ski Area), เมือง Furano




  5. โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen), เมือง Sapporo



วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เกาะอาโอชิมะ ประเทศญี่ปุ่น


เกาะอาโอชิมะ(Aoshima)
เกาะแมวแห่งญี่ปุ่น บ้านหลังน้อยสำหรับแมวเหมียวนับ 100 สวรรค์แห่งใหม่สำหรับคนรักแมว สำหรับเกาะอาโอชิมะที่อยู่ห่างออกไป 8 ไมล์ นอกชายฝั่งทะเลของโอจู ซิตี้ จังหวัดเอะฮิเมะ ประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้ เป็นบ้านหลังน้อยที่แสนสุขของแมวเหมียวกว่า100ตัว ขณะที่บนเกาะมีผู้อยู่อาศัยเพียง15คนเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในวัย50-80ปีทั้งสิ้น และเชื่อหรือไม่ว่าเกาะเล็กๆที่เงียบสงบแห่งนี้เพิ่งจะกลายมาเป็นที่สนใจของคนทั่วประเทศในช่วงเวลาไม่นานนี้เอง หลังมีคนนำภาพของแมวบนเกาะนี้โพสต์ขึ้นบนทวิตเตอร์เมื่อตอนสิ้นเดือนกันยายน2556ทำให้เกาะเล็ก ๆ ที่ไม่มีทั้งโรงแรมและร้านอาหาร รวมทั้งไม่มีแม้แต่ตู้ขายของอัตโนมัติเลย ได้มีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่แห่กันเข้ามาเยี่ยมเยือนชนิดที่ชาวเกาะตั้งตัวไม่ทัน





แต่เดิมทีในอดีต เกาะอาโอชิมะแห่งนี้ไม่ได้เป็นเหมือนสวรรค์ของเหล่าแมวเหมียวดังเช่นในปัจจุบัน จนกระทั่งในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่2เกาะแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นสถานที่หลบภัยสำหรับผู้อพยพ ซึ่งบางคนก็นำสัตว์เลี้ยงของพวกเขาติดมาด้วย และต่อมาในปี1960เกาะแห่งนี้ก็มีประชากรอยู่อาศัยร่วมกันมากถึง655คน ทว่าต่อมาชาวบ้านทั้งหลายก็เริ่มจะละทิ้งสถานที่แห่งนี้เข้าไปหางานทำบนแผ่นดินใหญ่ ย้ายถิ่นฐานไปที่อื่น ทิ้งบ้านบนเกาะและสัตว์เลี้ยงของพวกเขาไว้ จนกระทั่งในช่วง10กว่าปีที่ผ่านมา แมวเหมียวที่ยังคงอยู่บนเกาะก็ได้ขยายพันธุ์ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ และพากันกระจายมาอาศัยอยู่กันตามบ้านร้างและถนนที่ว่างเปล่าดังเช่นที่เราจะเห็นได้ในทุกวันนี้



หลังจากที่เกาะอาโอชิมะได้กลายมาเป็นที่สนใจของชาวเน็ต กัปตันเรือเดินสมุทรซึ่งทำหน้าที่รับ-ส่งผู้โดยสารจากโอจู ซิตี้ ไปยังเกาะโอชิมะ ก็ต้องทึ่งกับปริมาณคนที่หลั่งไหลกันเข้ามาใช้บริการเรือเดินสมุทรของเขา ซึ่งเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะเดินทางไปยังเกาะได้ โดยกัปตันเรือเผยว่า "ในทุก ๆ สัปดาห์ นักท่องเที่ยวจะแห่เข้ามาใช้บริการเรือของเขาทั้งๆที่บนเกาะนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากแมว" ทั้งนี้เพราะเขาไม่คาดคิดนั่นเองว่าทุกสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการเห็นก็คือแมวเหล่านั้นนั่นล่ะ  



ทั้งนี้นอกจากเกาะอาโอชิมะ ที่ญี่ปุ่นยังมีสถานที่อีกหลายแห่ง ที่ได้รับการขนานนามให้เป็น เกาะแมว หรือ เนโกะ ชิมะ (Neko Shima) เช่น เกาะทาชิโรจิม่า อันโด่งดัง ตั้งอยู่นอกชายฝั่งอิชิโนมากิ ของจังหวัดมิยากิ ซึ่งแต่ก่อนเคยมีประชากรอาศัยอยู่บนเกาะเกือบพัน แต่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่86คน ที่อาศัยอยู่ร่วมกับแมวประมาณ100ตัว โดยในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่าคนรักแมว บนเกาะแห่งนี้ได้มีการออกแบบบ้านและร้านขายของที่ระลึกให้มีรูปร่างเหมือนแมว และยังมีการจัดการกับเหล่าแมวเหมียวที่ดีมาก โดยสุนัขไม่ได้รับอนุญาตให้นำขึ้นมาบนเกาะ และยังมีสัตวแพทย์ที่คอยตรวจร่างกายให้กับแมวเหล่านี้เสมอ ผู้คนยังนิยมให้อาหารแมวพวกนี้โดยเชื่อว่าพวกมันจะนำโชคดีมาให้อีกด้วย